คนที่เป็นสายเขียวคงจะคุ้นเคยกับกัญชามากันอย่างยาวนานแล้วใช่ไหมล่ะครับ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกัญชาออกมาจำหน่ายมากมาย ถึงแม้ว่าในประเทศไทยนั้นจะไม่ได้มีความชัดเจนเรื่องกฎหมายในการผลักดันเรื่องกัญชาให้ถูกกฎหมายมากเท่าไหร่นัก แต่พืชชนิดนี้ก็เป็นพืชที่มีประโยชน์มากมายมากกว่าเป็นยาเสพติดที่คนไทยหลายๆคนเข้าใจกัน
หลายๆคนอาจจะไม่เคยรู้จักที่มาที่ไปของมันว่ามันมีที่มาที่ไปอย่างไร ซึ่งในวันนี้เราได้นำเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับต้นกำเนิดของกัญชา รวมไปถึงวัฒนธรรมต่างๆที่นำกัญชามาผสมผสานเข้ากับชีวิตประจำวัน เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากๆเลยนะครับ เอาละเราอย่ารอช้าไปชมกันเลย
ภาพโดย: Gina Coleman/Weedmaps
ต้นกัญชามีต้นกำเนิดในเอเชียกลางและแพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
กัญชานั้นเป็นพืชที่มีประวัติที่ยาวนาน เนื่องจากมันเป็นวัชพืชชนิดหนึ่งที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์หลายๆท้องถิ่นหลายๆประเทศ มันผูกพันกับวิถีชีวิตรวมไปถึงการค้า ซึ่งพืชชนิดนี้มีต้นกำเนิดอยู่ในแถบเอเชียกลาง จากนั้นมันก็ได้แพร่กระจายออกไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ด้วยประโยชน์อันมหาศาลของตัวมัน
แต่ก่อนหน้านั้นมันถูกค้นพบอยู่ในประเทศแทบมองโกเรียซึ่งเป็นบริเวณไซบีเรียตอนใต้แถวเขาแม่น้ำฮวงเหอ เทือกเขาฮินดูกูช เอเชียใต้ และอัฟกานิสถาน เติบโตตามการเคลื่อนไหวของธารน้ำแข็งไพลสโตซีน เนื่องจากกัญชาเป็นพืชที่ชอบแสงแดด และชอบความหนาวผสมผสานกัน ลำธารนี้จึงก่อให้เกิดต้นกัญชาจำนวนมาก
กัญชาถูกค้นพบเมื่อใด
หนึ่งในข้อมูลที่บ่งบอกว่ากัญชาเป็นพืชโบราณที่มีความเก่าแก่ที่สุดนั่นก็คือมีการค้นพบเชือกป่านขึ้นในประเทศสาธารณรัฐเช็คฝึกเชือกป่านชิ้นนี้มีอายุย้อนไปถึง 2900 ปีก่อนคิดตกาลเส้นป่านนี้ถูกทำขึ้นโดยเส้นใหญ่จากกัญชาและข้อมูลเกี่ยวกับกัญชาในสมัยโบราณ เมื่อ 4000 ปีก่อนคิดตกาลชาวใส่บิลเลี่ยนนิยมใช้กัญชาเพื่อทำเป็นยาสลบและอีกหลายหลายเผ่าที่นำพืชกัญชามาบริโภคเนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการและนำเมล็ดของกัญชานี้ ทำพิธีระหว่างฝังศพ
ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีความผูกพันระหว่างมนุษย์กับกัญชามาอย่างยาวนานแล้วในยุคสมัยโบราณสิ้นท่าหนึ่งเกร็ดความรู้ที่หลายคนไม่เคยรู้นั้นก็คือศาลที่นำมาทำหม่ำมี่นั้นมีผลประสมของกัญชาด้วย
สิ้นท่า ส่วนเรื่องราวของกัญชาที่เกี่ยวข้องกับหน้าประวัติศาตชาวเอเชียก็มีเช่นเดียวกันซึ่งในยุคก่อนนั้นเราราว 2700 ปีก่อนคิดตกาล จักรพรรดิเซิน หนุ่ย รับสมุนไพรชาวจีนผู้ยิ่งใหญ่ผู้ที่เป็นผู้ที่จัดหมวดหมู่สมุนไพรจากทั่วโลกมากกว่า 365 ชนิดและในสมุนไพรของเค้ายังสามารถเป็นยาแผนตะวันออกในปัจจุบันซึ่งสูตรยาที่ถูกกินโคตรจากเขาคิดค้น จากเขาสามารถรักษาโรคได้มากมายทั้งโรคไขข้อมาลาเรียและโรคเก๊าซึ่งสูตรยาเหล่านี้มีส่วนผสมจากกัญชา
ส่วนฝั่งประเทศเกาหลีและญี่ปุ่นก็ได้รับอิทธิพลมาจากจีนแบบเต็มเต็มกัญชาถูกนำมาทำเป็นยารักษาโลกจากนั้นมา
กัญชากับบทบาทต่างๆ
รัสเซีย
ชาวไซเธียน ชาวอินโด-ยูโรเปียนเร่ร่อนที่รู้จักปลูกกัญชาสำหรับพิธีกรรมและพิธีฝังศพ ได้แนะนำฟาร์มดังกล่าวให้กับอิหร่านและอนาโตเลียระหว่างปี 2000 ถึง 1400 ปีก่อนคริสตกาล ขณะที่พวกเขาท่องไปตามเทือกเขาอัลไต ในเวลาต่อมาภูเขาเหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม ซึ่งเป็นเครือข่ายเส้นทางการค้าโบราณที่กว้างใหญ่ซึ่งเชื่อมโยงอารยธรรมตะวันออก และตะวันตกจากคาบสมุทรเกาหลีไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ชาวไซเธียนส์ใช้กัญชาในพิธีกรรมทางสังคมมากมายที่ได้รับการบันทึกโดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีก เฮโรโดตุส เมื่อเส้นทางสายไหมเริ่มเป็นรูปเป็นร่างอย่างเป็นทางการ กัญชาก็ถูกนำมาใช้อย่างรวดเร็วในกรีซ อียิปต์ และแอฟริกา หลุมฝังศพของพระเจ้า Ramses II มีละอองเกสรของกัญชา และพบมัมมี่จำนวนมากที่มีปริมาณ cannabinoids ซึ่งบ่งชี้ว่าพืชชนิดนี้มีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ที่ 19 ของอียิปต์เป็นอย่างน้อย หรือประมาณ 1292 ปีก่อนคริสตกาล
เชื่อกันว่าชาวไซเธียนเป็นผู้รับผิดชอบการนำกัญชามาสู่รัสเซีย และยูเครนระหว่างการประกอบอาชีพต่างๆ เมื่อ 3000 ปีก่อนคริสตกาล พืชได้แพร่กระจายไปยังยุโรปตะวันออก เมล็ดกัญชาที่เผาแล้วถูกค้นพบในแหล่งโบราณคดีตั้งแต่ฟินแลนด์ไปจนถึงบัลแกเรีย และเมล็ดกัญชงสามารถพบได้ในลิทัวเนียและโปแลนด์
อินเดีย
อินเดียมีประเพณีอันยาวนานมากมายที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคกัญชาในเครื่องดื่มที่เรียกว่า “ปัง” ซึ่งเป็นชาผสมนม มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้คนในอินเดียและโยคีที่สูบบุหรี่พันกัญชาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำสมาธิและเข้าทรง
เรื่องราวในพระเวสสันดรชาดกยังอธิบายซ้ำ ๆ ว่า เป็นสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาความวิตกกังวล ซึ่งเรื่องราวนี้ถูกแต่งขึ้นเมื่ออย่างน้อย 1,400 ปีก่อนคริสตกาล นั่นจึงบ่งบอกว่ากัญชาถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัฒนธรรมฮินดู
ภาพโดย: Gina Coleman/Weedmaps
เมล็ดกัญชาถูกค้นพบในซากปรักหักพังของเมืองปอมเปอี เมืองที่กลายเป็นน้ำแข็งโดยเถ้าภูเขาไฟในปี ค.ศ. 79
กรีกโรมัน
รวมถึงประเทศกรีกโรมันกัญชาก็เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากซึ่งชาวกรีกโรมันนั้นนิยมนำกัญชามาผลิตเป็นยาสลบและยามึนเมาเมล็ดกัญชาถูกค้นพบในซากปรักหักพังหักพังของเมืองปอมเปย์อี เมืองที่กลายเป็นน้ำแข็งโดยเถ้าภูเขาไฟในปี ค.ศ. 79
นักวาทศิลป์ชาวกรีก Athenaeus กล่าวถึงกัญชาที่ใช้ทำเชือกระหว่าง 170 ถึง 230 AD และนักเขียนชาวโรมัน Lucilius อ้างว่าป่านจากกัญชามีไว้ใช้ขึงใบเรือ
สเปน
กัญชามาถึงสเปนหลังจากการรุกรานของกษัตริย์ชาวมัวร์ในศตวรรษที่ 8 และโมร็อกโกยังคงเป็นหนึ่งในผู้ผลิตกัญชารายใหญ่ที่สุดของโลก ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มข้นของสารในกัญชา
ตะวันออกกลาง
ในศตวรรษที่ 13 กัญชาถูกใช้อย่างแพร่หลายเพื่อจุดประสงค์ด้านสันทนาการและทางศาสนาในตะวันออกกลางเช่นกัน ซึ่งนำไปสู่การปราบปรามในที่สุดโดยผู้ว่าราชการกรุงไคโรในขณะนั้น นอกจากนี้ ในศตวรรษที่ 13 กัญชายังถูกแนะนำให้รู้จักในแอฟริกาตะวันออกผ่านอียิปต์ และเอธิโอเปียโดยพ่อค้าเพื่อการค้า
เส้นเวลาประวัติศาสตร์กัญชา
การขยายตัวของกัญชาในแอฟริกาเกิดขึ้นตามการอพยพของชาวมุสลิมทั่วทั้งทวีป จากนั้นจึงย้ายไปยังหุบเขาแม่น้ำซัมเบซี ซึ่งมีการใช้งานกัญชาอยู่แล้วในปี ค.ศ. 1531 เมื่อชาวโปรตุเกสมาถึงภูมิภาค ก็พบเห็นชาวแอฟริกันตอนใต้บริโภคกัญชาที่เรียกว่า “ดักก้า” มาอย่างน้อย 500 ปีแล้ว
กัญชาเป็นตัวเพิ่มโอกาสสำคัญสำหรับการค้าขายกับชาวดัตช์ ซึ่งการใช้สมุนไพรนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปี 1600 เป็นอย่างน้อย นอกจากนี้ยังใช้กันทั่วไปโดยชาว Tswana, Zulu, Sotho และ Swazi ในขณะนั้น ในช่วงการปกครองของอังกฤษในปี ค.ศ. 1800 คนรับใช้ชาวอินเดียซึ่งอาศัยอยู่ในแอฟริกาใต้ใช้กัญชากันอย่างแพร่หลาย
นักมานุษยวิทยาในป่าฝนคองโก และอิตูรีตั้งข้อสังเกตว่าการใช้กัญชาในหมู่ชนเผ่าพื้นเมือง ในแอฟริกาตะวันตก
การใช้กัญชาเป็นเรื่องผิดปกติจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อทหารอังกฤษและฝรั่งเศสประจำการอยู่ที่นั่นแนะนำโรงงาน
ชาวสเปนนำกัญชามาสู่อเมริกาในช่วงกลางทศวรรษ 1500 ซึ่งปลูกในพื้นที่เพาะปลูกในอเมริกาเหนือสำหรับทำเชือก กระดาษ และผลิตภัณฑ์จากเส้นใยอื่นๆ ผู้ตั้งถิ่นฐานในเจมส์ทาวน์ยังเคยสั่งปรับผู้ที่ไม่ได้ผลิตกัญชาในช่วงต้นทศวรรษ 1600 ทั้งจอร์จ วอชิงตัน และโธมัส เจฟเฟอร์สันต่างก็ปลูกกัญชา
สรุป
เมื่อถึงเวลาที่โลกอารยะธรรมสมัยใหม่พัฒนาขึ้น กัญชาได้แพร่กระจายไปในวงกว้าง ต้องขอบคุณพ่อค้า นักเผยแผ่ศาสนา ชนเผ่าเร่ร่อน และผู้นำโลกที่พยายามใช้ประโยชน์จากคุณค่าของมัน กัญชาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากทั่วโลกจนถึงต้นทศวรรษ 1800 และยาวนานมาถึงทุกวันนี้
เรียกว่าเป็นบทความที่เอาใจสายเขียวกันเลยทีเดียวนะครับ กับบทความกัญชามีต้นกำเนิดมาจากไหน ที่พวกเราได้นำมาฝากเพื่อนๆกันในวันนี้ ก็หวังว่าในบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับกัญชาอยู่ไม่มากก็น้อยนะครับ ในบทความหน้าเราจะนำเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับกัญชาเรื่องใดมาฝากเพื่อนๆสายเขียวกันอีกบ้าง ก็อย่าพลาดติดตามชมได้เหมือนเดิมนะครับ วันนี้ต้องลาไปก่อน สวัสดีครับ
เครดิต : https://weedmaps.com/
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> น้ำเต้าปูปลาออนไลน์